ขิง
จัดเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เติมรสเผ็ดร้อนในอาหาร
มีรสชาติและกลิ่นค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนพืชชนิดอื่น
มีสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีความพิเศษ เป็นน้ำมันหอมระเหย ให้ทั้งรสและกลิ่น
ชื่อว่า จินเจอรอล (gingerol)
สารนี้อยู่ในกลุ่มแอลกอฮอล์
ประโยชน์ของขิง
- ใช้ขิงรักษาอาการคลื่นไส้ได้ดี
ใครที่รู้สึกพะอืดพะอมลองได้ดื่มน้ำขิงสักแก้ว
หรือเคี้ยวหัวขิงสักพักจะรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
และขิงใช้แก้อาการคลื่นไส้ได้ดีกว่ายาดรามามีน (Dramamine)
ที่นิยมใช้กันอยู่
นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่มักมีอาการเมายาสลบจิบน้ำขิงเข้มข้นสักครึ่งช้อนชา
จะช่วยแก้อาการเมายาได้ : นายแพทย์โบน (M.E.
Bone) แห่งโรงพยาบาลบาร์ทอโลมิว (Bartholomew)
ลอนดอน อังกฤษ
- ใช้รักษาอาการปวดศีรษะทั้งชนิดสองข้าง
และข้างเดียว (ไมเกรน)
ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ แนะนำให้ดื่มน้ำขิงเข้มข้นเป็นประจำ
หรือไม่ก็รับประทานขิงสดบ่อยๆ
เชื่อว่าสารเคมีที่อยู่ในขิงจะสามารถปรับระดับสารกึ่งฮอร์โมนที่เรียกกันว่าสารไอโคซานอยด์
(eicosanoid) ทำให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลง :
นายแพทย์กฤษณะ ศรีวัสทวา (Krishna Srivastava)
มหาวิทยาลัยโอเดนส์ เดนมาร์ก
- แก้อาการแน่นหน้าอก
- รักษาอาการท้องร่วง
โดยเฉพาะช่วงที่มีโรคอหิวาห์ระบาด
- ใช้รักษาหวัด
ไอน้ำมันหอมระเหยจากน้ำขิงจะช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจ
- ลดอาการเจ็บข้อ โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรครูมาติซึ่ม
ให้ผู้ป่วยหมั่นรับประทานขิงสด
ลองเพิ่มขิงเข้าไปในอาหารทุกมื้อ อาการปวดข้อจะทุเลาลง
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจและรักษาโรคกระเพาะ
การรับประทานขิงปริมาณมากๆ จะทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
เชื่อว่า
สารจินเจอรอลจะแสดงฤทธิ์ต้านการเกิดลิ่มเลือดได้เช่นเดียวกับแอสไพริน
(ไม่มีผลต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วย) :
นายแพทย์ชาลส์ ดอร์ส (Charles R. Dorse)
แห่งวิทยาลัยแพทย์ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์
|